- ตอนนี้ Atato ทำอะไร และจะมีการขยายธุรกิจออกไปอย่างไรบ้าง
Atato เราเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์บนระบบบล็อกเชน และช่วยเหลือผู้ประกอบการฟินเทค ในการสร้างระบบที่ใช้บล็อกเชน ซึ่งในปัจจุบันผู้ประกอบการฟินเทค เหล่านี้ ได้ประยุกต์ใช้บล็อกเชน อย่าง Cryptocurrency มาช่วยพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ด้านการเงิน โดย Atato ได้ร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงานทั้งในไทย และต่างประเทศเพื่อพัฒนาระบบที่ใช้บล็อกเชนให้ตรงตามความต้องการการใช้งานของลูกค้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา Atato จัดทำโครงการในอุตสาหกรรมด้านการเงินมาอย่างมากมายในไทย โดยจัดกลุ่มผลิตภัณท์ต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถสร้างระบบที่ใช้บล็อกเชนได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเหรียญ Token การแชร์ข้อมูล หรือการพัฒนาระบบชำระเงินโดยการใช้ Blockchain ก็ตาม ทั้งหมดนี้ หัวใจหลักคือลูกค้ายังได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาของการพัฒนาซอฟต์แวร์นี้ด้วย กลุ่มลูกค้าหลักของเราส่วนใหญ่จะอยู่ในอุตสาหกรรมการเงินอยู่แล้ว และยังมีกลุ่มอื่นๆอีกอย่างเช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มซัพพลายเชน เราก็มีเหมือนกัน ดังนั้น ผมขอยกตัวอย่างโปรเจคที่เราเคยทำมา แล้วประสบความสำเร็จ เช่น การสร้าง ICO Portel ให้กับบริษัท Longroot จนเขาได้รับใบอนุญาติจากกลต. ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอง คือ Roadmap ของเรา ที่มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณท์และบริการให้กับ Fintech sector ในไทย
- ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน คิดว่าคนไทยมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain มากน้อยแค่ไหน และ Blockchain มีความสำคัญกับเราอย่างไร
ผมคิดว่าประเทศไทยมีความโดดเด่นทางด้านนี้ คือหากเราเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นในการนำเอาบล็อกเชนมาใช้ หลายบริษัทในไทยสามารถปรับใช้ได้เร็วมาก นี่เป็นเพราะคนไทยรู้จักวิธีการเอาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา โดยหลายบริษัทในไทยอยู่ในกลุ่มแรกๆ ที่นำ Cryptocurrencies มาประยุกต์ใช้
ในอีก 3 ปี หรือ 5 ปี ข้างหน้า ผมมองว่าบล็อกเชนอาจเป็นสิ่งที่คนไทยนำมาใช้กันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของการชำระเงิน การไปช็อปปิ้งที่ห้าง หรือการขอสินเชื่อ การซื้อผลิตภัณท์ทางการเงินต่างๆ สามารถเป็นไปได้ทั้งหมด ถ้าเกิดหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนให้การส่งเสริม และสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสถานบันการเงินต่างๆ
- ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ทางบริษัทมีการปรับตัวอย่างไร มีการนำ Blockchain เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาด้วยหรือไม่
Atato ถือว่าโชคดีมาก ที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากวิกฤติ Covid-19 นี้เท่าไหร่ เพราะทีมงานของเรา Work from home กันอยู่แล้ว ส่วนลูกค้าที่ทำงานร่วมกับเรา ก็เป็นโครงการระยะยาว และถ้าเราลองสังเกตุดูธุรกิจต่างๆ ผมมองว่า Software Industry คงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจกลุ่มอื่น จากผลกระทบนี้เอง ผมมองว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 2 ประเด็นใหญ่ๆด้วยกัน คือ
- Disruption Technology หรือการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่ๆ จะเกิดขึ้นเร็วมาก
- หลายบริษัทจะมีตัวเลือกในการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อบริหารงานที่ทำอยู่เป็นประจำ
และการปฎิสัมพันธ์กันระหว่างบุคคลจะถูกจำกัด เหมือนตอนนี้ที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ อย่าง Online Meeting ที่อำนวยความสะดวกให้เรา ทำให้ไม่ต้องไปประชุมในที่ไกลๆ ช่วยประหยัดทั้งเวลา ทั้งการเดินทางได้เป็นอย่างมาก และต่อไปพวกเราจะถูกปรับเปลี่ยนให้ไปใช้เทคโนโลยีมากขึ้นด้วย ซึ่งสิ่งนี้เองจะเป็นส่วนที่ทำให้บล็อกเชน เข้ามามีบทบาทในด้านความปลอดภัยของการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน
- ในอนาคตมองว่าเทคโนโลยี Blockchain จะเป็นไปในทิศทางใด และในประเทศไทยจะมีการนำไปใช้ในเรื่องใดบ้าง
ในระยะยาวบล็อกเชนจะเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน เหมือนกับทุกวันนี้ที่เราใช้อินเตอร์เน็ตกันอยู่ทุกวัน โดยที่เราไม่ได้รู้เลยว่ามันทำงานยังไง ซึ่งตัวบล็อกเชนเองก็ไม่ต่างกัน ในอนาคตบล็อกเชนจะมาช่วยผลักดันให้การชำระเงิน การเคลมประกัน รวมถึงการลงทุน การกู้เงิน ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เรายังสามารถโอนเงินไปหากันทั่วโลกได้ทันทีอีกด้วย โดยที่ข้อมูลของเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
อีก 5 ปี เวลาเราไปกู้เงิน เราจะใช้เวลาเพียง 5 นาที เท่านั้น ไม่ต้องเสียเวลารอนานทั้งวันเหมือนเมื่อก่อนที่เราต้องไปกรอกข้อมูลเอกสารให้กับธนาคารเพื่อกู้ยืมเงินหรือทรัพย์สิน ในอนาคตจึงไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางอย่างธนาคารก็ย่อมได้ ฟังดูแล้วอาจดูเหมือนเป็นเรื่องของอนาคตก็จริง แต่สิ่งเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก
- อยากฝากอะไรเพิ่มเติมถึงผู้อ่าน
ในสมาคมฯ ผมเชื่อว่าเรามีบริษัทที่เก่งๆอยู่หลายเจ้าเลย และปฎิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีคนที่ทำเกี่ยวกับ Blockchain Technology อยู่แล้ว และสำหรับใครหรือบริษัทไหนที่ยังไม่ได้ลงทุนให้กับสิ่งนี้ ผมคิดว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีข้อกฎหมายชัดเจน ว่าเราสามารถพัฒนาระบบที่ใช้ บล็อกเชน ด้วยเครื่องมือทางกฎหมายเหล่านั้นได้ และในเมื่อบล็อกเชนมันกำลังมา ใครที่นำมาใช้ได้เร็วกว่า คนนั้นจะเป็นคนที่ได้รับผลตอบแทนที่สูง ซึ่งในอนาคตอีก 3 ปี หรือ 5 ปี ก็อาจก้าวไปเป็นผู้นำในวงการนั้นๆ ได้
ประเด็นสำคัญ ที่ผมอยากจะฝากไว้ทิ้งท้าย คือ ถ้าบริษัทของคุณกำลังมองหาผลิตภัณท์ใหม่ หรือโมเดลธุรกิจใหม่ๆก็ตามบล็อกเชนถือว่าเป็นเครื่องมือที่ดีชิ้นหนึ่งเลย สำหรับฟินเทคที่จะพัฒนา เพื่อสร้างผลตอบแทนทางด้านการลงทุน ผมจึงอยากให้ทุกคนได้ใช้เวลาเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี และ Atato พร้อมจะเป็นผู้ให้การช่วยเหลือเพื่อปฎิวัติโลกนี้ไปด้วยกัน
คุณกีโยม เลอ แซงต์
ประธานกรรมการบริหาร Atato