Atato ผู้ผลักดันการสร้าง Blockchain ให้กับธุรกิจ

10 กรกฎาคม 2020
Share
  1. ตอนนี้ Atato ทำอะไร และจะมีการขยายธุรกิจออกไปอย่างไรบ้าง

Atato เราเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์บนระบบบล็อกเชน และช่วยเหลือผู้ประกอบการฟินเทค ในการสร้างระบบที่ใช้บล็อกเชน ซึ่งในปัจจุบันผู้ประกอบการฟินเทค เหล่านี้ ได้ประยุกต์ใช้บล็อกเชน อย่าง Cryptocurrency มาช่วยพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ด้านการเงิน โดย Atato ได้ร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงานทั้งในไทย และต่างประเทศเพื่อพัฒนาระบบที่ใช้บล็อกเชนให้ตรงตามความต้องการการใช้งานของลูกค้าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา Atato จัดทำโครงการในอุตสาหกรรมด้านการเงินมาอย่างมากมายในไทย โดยจัดกลุ่มผลิตภัณท์ต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถสร้างระบบที่ใช้บล็อกเชนได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเหรียญ Token การแชร์ข้อมูล หรือการพัฒนาระบบชำระเงินโดยการใช้ Blockchain ก็ตาม ทั้งหมดนี้ หัวใจหลักคือลูกค้ายังได้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาของการพัฒนาซอฟต์แวร์นี้ด้วย กลุ่มลูกค้าหลักของเราส่วนใหญ่จะอยู่ในอุตสาหกรรมการเงินอยู่แล้ว และยังมีกลุ่มอื่นๆอีกอย่างเช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มซัพพลายเชน เราก็มีเหมือนกัน ดังนั้น ผมขอยกตัวอย่างโปรเจคที่เราเคยทำมา แล้วประสบความสำเร็จ เช่น การสร้าง ICO Portel ให้กับบริษัท Longroot จนเขาได้รับใบอนุญาติจากกลต. ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอง คือ Roadmap ของเรา ที่มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณท์และบริการให้กับ Fintech sector ในไทย

 

  1. ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน คิดว่าคนไทยมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain มากน้อยแค่ไหน และ Blockchain มีความสำคัญกับเราอย่างไร

ผมคิดว่าประเทศไทยมีความโดดเด่นทางด้านนี้ คือหากเราเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นในการนำเอาบล็อกเชนมาใช้ หลายบริษัทในไทยสามารถปรับใช้ได้เร็วมาก นี่เป็นเพราะคนไทยรู้จักวิธีการเอาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา โดยหลายบริษัทในไทยอยู่ในกลุ่มแรกๆ ที่นำ Cryptocurrencies มาประยุกต์ใช้

ในอีก 3 ปี หรือ 5 ปี ข้างหน้า ผมมองว่าบล็อกเชนอาจเป็นสิ่งที่คนไทยนำมาใช้กันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของการชำระเงิน การไปช็อปปิ้งที่ห้าง หรือการขอสินเชื่อ การซื้อผลิตภัณท์ทางการเงินต่างๆ สามารถเป็นไปได้ทั้งหมด ถ้าเกิดหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนให้การส่งเสริม และสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสถานบันการเงินต่างๆ

 

  1. ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ทางบริษัทมีการปรับตัวอย่างไร มีการนำ Blockchain เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาด้วยหรือไม่

Atato ถือว่าโชคดีมาก ที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากวิกฤติ Covid-19 นี้เท่าไหร่ เพราะทีมงานของเรา Work from home กันอยู่แล้ว ส่วนลูกค้าที่ทำงานร่วมกับเรา ก็เป็นโครงการระยะยาว และถ้าเราลองสังเกตุดูธุรกิจต่างๆ ผมมองว่า Software Industry คงเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจกลุ่มอื่น จากผลกระทบนี้เอง ผมมองว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 2 ประเด็นใหญ่ๆด้วยกัน คือ

  1. Disruption Technology หรือการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่ๆ จะเกิดขึ้นเร็วมาก
  2. หลายบริษัทจะมีตัวเลือกในการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อบริหารงานที่ทำอยู่เป็นประจำ 

และการปฎิสัมพันธ์กันระหว่างบุคคลจะถูกจำกัด เหมือนตอนนี้ที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ อย่าง Online Meeting ที่อำนวยความสะดวกให้เรา ทำให้ไม่ต้องไปประชุมในที่ไกลๆ ช่วยประหยัดทั้งเวลา ทั้งการเดินทางได้เป็นอย่างมาก และต่อไปพวกเราจะถูกปรับเปลี่ยนให้ไปใช้เทคโนโลยีมากขึ้นด้วย ซึ่งสิ่งนี้เองจะเป็นส่วนที่ทำให้บล็อกเชน เข้ามามีบทบาทในด้านความปลอดภัยของการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน

 

  1. ในอนาคตมองว่าเทคโนโลยี Blockchain จะเป็นไปในทิศทางใด และในประเทศไทยจะมีการนำไปใช้ในเรื่องใดบ้าง

ในระยะยาวบล็อกเชนจะเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน เหมือนกับทุกวันนี้ที่เราใช้อินเตอร์เน็ตกันอยู่ทุกวัน โดยที่เราไม่ได้รู้เลยว่ามันทำงานยังไง ซึ่งตัวบล็อกเชนเองก็ไม่ต่างกัน ในอนาคตบล็อกเชนจะมาช่วยผลักดันให้การชำระเงิน การเคลมประกัน รวมถึงการลงทุน การกู้เงิน ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เรายังสามารถโอนเงินไปหากันทั่วโลกได้ทันทีอีกด้วย โดยที่ข้อมูลของเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป

อีก 5 ปี เวลาเราไปกู้เงิน เราจะใช้เวลาเพียง 5 นาที เท่านั้น ไม่ต้องเสียเวลารอนานทั้งวันเหมือนเมื่อก่อนที่เราต้องไปกรอกข้อมูลเอกสารให้กับธนาคารเพื่อกู้ยืมเงินหรือทรัพย์สิน ในอนาคตจึงไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางอย่างธนาคารก็ย่อมได้ ฟังดูแล้วอาจดูเหมือนเป็นเรื่องของอนาคตก็จริง แต่สิ่งเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก

 

  1. อยากฝากอะไรเพิ่มเติมถึงผู้อ่าน

ในสมาคมฯ ผมเชื่อว่าเรามีบริษัทที่เก่งๆอยู่หลายเจ้าเลย และปฎิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีคนที่ทำเกี่ยวกับ Blockchain Technology อยู่แล้ว และสำหรับใครหรือบริษัทไหนที่ยังไม่ได้ลงทุนให้กับสิ่งนี้ ผมคิดว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีข้อกฎหมายชัดเจน ว่าเราสามารถพัฒนาระบบที่ใช้ บล็อกเชน ด้วยเครื่องมือทางกฎหมายเหล่านั้นได้ และในเมื่อบล็อกเชนมันกำลังมา ใครที่นำมาใช้ได้เร็วกว่า คนนั้นจะเป็นคนที่ได้รับผลตอบแทนที่สูง ซึ่งในอนาคตอีก 3 ปี หรือ 5 ปี ก็อาจก้าวไปเป็นผู้นำในวงการนั้นๆ ได้

ประเด็นสำคัญ ที่ผมอยากจะฝากไว้ทิ้งท้าย คือ ถ้าบริษัทของคุณกำลังมองหาผลิตภัณท์ใหม่ หรือโมเดลธุรกิจใหม่ๆก็ตามบล็อกเชนถือว่าเป็นเครื่องมือที่ดีชิ้นหนึ่งเลย สำหรับฟินเทคที่จะพัฒนา เพื่อสร้างผลตอบแทนทางด้านการลงทุน ผมจึงอยากให้ทุกคนได้ใช้เวลาเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี และ Atato พร้อมจะเป็นผู้ให้การช่วยเหลือเพื่อปฎิวัติโลกนี้ไปด้วยกัน 

 

คุณกีโยม เลอ แซงต์

ประธานกรรมการบริหาร Atato

Related Posts

  • ทำไมคนไทยไม่ค่อยลงทุน ?
  • Covid-19 ตัวเร่งการเข้าถึงเทคโนโลยี และการปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่อย่าง Kasikorn Bank
  • Krungsri มุ่งหน้าช่วยเหลือสตาร์ทอัพ และหนุนระบบนิเวศ ฝ่าวิกฤต Covid-19
bt_bb_section_bottom_right_section_coverage_image

Contact Us

Address

439B-1 Siam Paragon Shopping Mall, 4th Floor, Rama 1 Road, Pathumwan, Pathumwan, Bangkok, Thailand 10330

The information contained in this website is provided for informational purposes only and on an “as is” basis, without representation or warranty of any kind. Thai Fintech Association does not guarantee whether the information is correct or up-to-date.   no event shall Thai Fintech Association be liable to you or any person for any loss of business or profits, or for any indirect, incidental or consequential damages arising out of any use of, or inability to use, or for any other claim by you or any other person.

© Copyrights 2021 - All Rights Reserved - Thai Fintech Association