ในสังคมการใช้บัตร ATM, Credit, Debit ของเรานั้น ส่งผลให้เก็บขยะจากการใช้พลาสติกที่ถูกทิ้งลงสู่มหาสมุทรมากกว่า 12.7 ล้านตันต่อปี ซึ่งไม่เพียงแค่นี้มีส่วนร่วมในปริมาณขยะพลาสติกในมหาสมุทรเท่านั้น แต่ทำให้มีผลกระทบร้ายแรงต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลและชีวิตในมหาสมุทร ทั้งนี้ผลกระทบดังกล่าวเกิดการคิดค้นสิ่งที่จะมาแทนที่ นั้นคือการใช้สมาร์ทโฟน
Amazon Prime, Uber, PayPal และบริการ Digital Wallet ได้ถือกำเนิดเพื่อแก่ปัญหาดังกล่าว ซึ่งมันก็มีประสิทธิภาพอย่างมากเมื่อดูจากผลวิจัยของ Juniper ในเดือนพฤษภาคมปี 2017 พบว่าการธุรกรรมผ่าน E-Wallet คิดเป็น 90% จากากรทำธุรกรรมดิจิทัลทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา โดยในขณะเดียวกันพบว่านอกประเทศสหรัฐอเมริกายังคงมีการชำระเงินออนไลน์มากขึ้น 90% เช่นกัน เมื่อดูข้อมูลจากประเทศอื่น ๆ ก็พบว่ายังมีหลายประเทศที่นิยมใช้บัตรอยู่เหมือนเคย เพราะรู้สึกว่ามีความเป็นเจ้าของเงินอย่างแท้จริง และมีความปลอดภัยที่ดีกว่า แต่เมื่อมาดูข้อมูลด้านความปลอดภัยก็พบว่ามีความปลอดภัยที่ดีและโปร่งใส
ประเด็นด้านความปลอดภัย
การชำระเงินแบบดิจิทัลได้รับการผลักดันอย่างมาก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เพราะบางทีก็ยังต้องเชื่อมต่อกับรหัสบนบัตร ATM, Credit, Debit อยู่บ้างในบางธนาคาร แต่ข้อดีคือสะกวดและมีการเชื่อมต่อความปลอดภัยแบบ Biometric จึงมีความปลอดภัยที่ดี
อำนาจของผู้จ่าย
เมื่อกล่าวถึงความปลอดภัยที่ต้องมาควบคู่กับความสะดวกสบายของสมาร์ทโฟน แน่นอนว่าต้องมีความปลอดภัยอย่างดีถึงสามารถใช้ได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งแอปพลิเคชันบนมือถือทำให้การจัดการบัตรชำระเงินเป็นกระบวนการที่ชาญฉลาด โดยอนาคตจะมีมีการใช้งานร่วมกับบอท โดยสามารถสิ่งต่าง ๆ ตามพฤติกรรม กล่าวคือสามารถทำธุรกรรมและยกเลิกการทำได้แบบเรียลไทม์บนสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้ จึงทำให้ความนิยมการใช้ธุรกรรมบนมือถือของผู้จ่ายมีความนิยมมากที่สุด
Reference
Fintech Weekly.(2018). Payments: from Cashless to Cardless.