Facebook ได้เจรจากับธนาคารเกี่ยวกับเรื่องการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้และที่จะสามารถรวมไว้ในแพลตฟอร์มของเขา ซึ่งรายงานฉบับนี้ได้มาจาก The Wall Street Journal เมื่อวันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม 2018 โดยรายงานดังกล่าวได้ส่งผลให้ถูกวิจารณ์กันอย่างหนาหู เพราะหลายคนมีความเห็นว่านี่คือการละเมิดความเป็นส่วนตัว และกลัวว่าทาง Silicon Valley จะพยายามรวบรวมข้อมูลที่อาจจะทำให้เกิดผลเสียบานปลายไปอีก ทั้งนี้รายของ Wall Street ในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้ทุนของ Facebook พุ่งสูงขึ้นกว่า 3%
Facebook ต้องการ “ข้อมูลทางการเงินโดยละเอียด” เกี่ยวกับผู้ใช้จาก American banks อีกทั้งได้เจรจาเรื่องนี้กับ JPMorgan Chase, Wells Fargo, Citigroup และ US Bancorp โดยรายงานฉบับเดียวกันกล่าวว่าธนาคารเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเพราะเป็นข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ซึ่งทาง Facebook มีรายงานว่ากำลังพิจารณาให้ผู้ใช้เห็นความสมดุลของธนาคารหรือการแจ้งเตือนการทุจริตที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการสนับสนุนให้ผู้คนใช้แอป Messenger ของตนได้มากขึ้นหากเขาได้เป็ร Partner กับธนาคารในอนาคต
หลังจากรายงานดังกล่าวเกิดขึ้น ทางโฆษกของ Facebook ได้ออกมาแก้ข่าวว่า “ม่ได้ขอข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องการปรับปรุง Messenger ให้มีระบบการแจ้งเตือนทางธนาคารในแอพของเขา” อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวได้ก่อให้เกิดการถกเถียงจากนักวิจารณ์ที่กังวลเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจของ Facebook และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
Matt Stoller นักวิจัยจาก Open Markets Institute, นักวิจารณ์ฝีปากกล้าของเฟสบุ๊ค และกลุ่ม Power ด้านเทคโนโลยีมีความเห็นว่า ” “พลังแห่งเทคโนโลยีที่มีความเข้มข้นกำลังเคลื่อนไปสู่ระบบที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในรูปแบบของสังคม Dystopian”
Reference
http://uk.businessinsider.com